ข่า
ข่าเป็นพืชล้มลุกอยู่ในวงศ์ Zingiberaceae เช่นเดียวกับขมิ้นและขิง มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Alpinia galangal(Linn.) Wild. มีเหง้า (ลำต้นใต้ดิน) ส่วนบนดินมีลำต้นเทียมเกิดจากก้านใบสูงประมาณ 1-2 เมตร แตกหน่อออกเป็นกอ ใบเป็นรูปไข่ยาวออกสลับกัน ดอกออกตรงปลายยอดเป็นช่อ ดอกสีขาวประจุดม่วงแดง ผลขนาดเล็กสีเขียว ชื่อที่เรียกในประเทศไทยคือ ข่า ข่าใหญ่ ข่าหลวง และข่าเหยวก (ภาคเหนือ) ส่วนในทางสมุนไพรมีชื่อเรียกเฉพาะว่ากฏุกกโรหินี ภาอังกฤษเรียก Greater Galangal
ข่าเป็นพืชพื้นบ้านที่มีถิ่นกำเนิด ดั้งเดิมอยู่ในบริเวณประเทศไทย และเพื่อนบ้านใกล้เคียงในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นี้เอง ในจีนและอินเดียมีพืชที่คล้ายกับข่าของไทยเหมือนกัน แต่เป็นคนละชนิด
ข่าเมื่อขึ้นเป็นกอ มีความงดงามทั้งใบและดอก ใช้เป็นไม้ประดับสนามหรือตกแต่งสวนหย่อมได้ดี ทั้งยังเป็นพืชที่ปลูกได้ง่ายมากอีกด้วย หากผู้อ่านมีที่ว่างก็น่าปลูกกันไว้บ้างสักกอ ก็จะได้ประโยชน์เกินคุ้ม
อาหาร
คนไทยใช้ข่าปรุงอาหารมากว่าชนชาติใดในโลก
นอกจากใช้เป็นผักจิ้มโดยตรงซึ่งใช้ส่วนช่อดอกของข่าแล้ว
ส่วนที่ใช้ปรุงอาหารมากที่สุดก็คือส่วนเหง้า (ลำต้นใต้ดิน)ทั้งอ่อนและแก่
ถือว่าเป็นเสาหลักที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในครัวของคนไทยเลยทีเดียว
เพราะหากขาดข่าไปเสียแล้ว
อาหารไทยคงจะมีรสชาติเปลี่ยนไปมากมายโดยเฉพาะแกงชนิดต่างๆ
สมุนไพร
ข่ายังเป็นสมุนไพรสำคัญ ๆ อย่างหนึ่งของชาวไทย
มีชื่อเฉพาะว่ากฏุกกโรหินี บ่งบอกถึงรสเผ็ดร้อน (กฏุก) ในตำราวิทยาศาสตร์สมุนไพร
กล่าวว่าข่า (เหง้า) กินเป็นยาขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ ขับเสมหะ ขับเหงื่อ แก้บิด
ใช้ภายนอก ทาแก้กลากเกลื้อน ลมพิษ
ในตำราประมวลสรรพคุณสมุนไพร กล่าวว่าข่าเป็นสมุนไพรรสเผ็ดร้อน เป็นยาขับลม เป็นยาระบาย แก้บิด ปวดท้อง ท้องขึ้นอืดเฟ้อ ขับเลือดเสียเลือดเน่า ฯลฯ
ข่าเป็นส่วนประกอบของพิกัด ตรีวาตผล ใช้แก้โรคลม และพิกัดตรีกาฬพิษซึ่งแก้พิษกาฬ เป็นส่วน-ประกอบของยาไฟบรรลัยกัลป์ ซึ่งใช้ขับน้ำคาวปลาในเรือนไฟ ช่วยมดลูกเข้าอู่ แก้ประจำเดือนไม่ปกติ ฯลฯ อาจสรุปได้ว่าในแง่สมุนไพร ข่าเป็นยาร้อน ใช้แก้โรคเกี่ยวกับธาตุลม (วาโย) และธาตุน้ำ (อาโป) เช่น วาโยธาตุ วิปลาสและอาโปธาตุวิปลาส เป็นต้น
ในตำราประมวลสรรพคุณสมุนไพร กล่าวว่าข่าเป็นสมุนไพรรสเผ็ดร้อน เป็นยาขับลม เป็นยาระบาย แก้บิด ปวดท้อง ท้องขึ้นอืดเฟ้อ ขับเลือดเสียเลือดเน่า ฯลฯ
ข่าเป็นส่วนประกอบของพิกัด ตรีวาตผล ใช้แก้โรคลม และพิกัดตรีกาฬพิษซึ่งแก้พิษกาฬ เป็นส่วน-ประกอบของยาไฟบรรลัยกัลป์ ซึ่งใช้ขับน้ำคาวปลาในเรือนไฟ ช่วยมดลูกเข้าอู่ แก้ประจำเดือนไม่ปกติ ฯลฯ อาจสรุปได้ว่าในแง่สมุนไพร ข่าเป็นยาร้อน ใช้แก้โรคเกี่ยวกับธาตุลม (วาโย) และธาตุน้ำ (อาโป) เช่น วาโยธาตุ วิปลาสและอาโปธาตุวิปลาส เป็นต้น
การปลูก
ข่าชอบดินร่วนทราย โดยเฉพาะขี้เถ้าแกรบถ้าผสมดิน 2 ใน 10 ส่วนจะดีมาก
การปลูกข่าไม่ต้องไถพรวนสามารถขุดปลูกได้เลย เพียงแต่พรวนดินบริเวณที่ปลูกก็พอ โดยใช้เง้าแก่ปลูกได้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น