วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
การเพิ่มปริมาณอสุจิ
วิธีการเพิ่มปริมาณการสร้างตัวอสุจิและน้ำอสุจิก็คือ ต้องเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนในร่างกายรวมทั้งได้รับสารอาหารและเกลือแร่ที่จำเป็นในการผลิตตัวอสุจิ ซึ่งได้แก่แร่ธาตุสังกะสี และสารอาหารจำพวกเบต้าแคโรทีนในปริมาณที่เพียงพอต่อการสร้างน้ำอสุจิที่มีปริมาณมากพอ
สามารถเพิ่มฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนได้โดยการเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะฮอร์โมนเพศชายส่วนใหญ่แล้วจะถูกผลิตขึ้นในช่วงเวลากลางคืนขณะที่นอนหลับ ใครที่นอนหลับสนิทตอนกลางคืนได้นานกว่า จะมีปริมาณฮอร์โมนเพศชายมากกว่า การนอนพักผ่อนในช่วงเวลากลางวันอาจจะช่วยให้หายอ่อนเพลียแต่ไม่ช่วยในการสร้างตัวอสุจิ
นอกจากนี้ต้องหัดรับประทานอาหารทะเลบ้าง โดยเฉพาะพวกหอยที่จะมีแร่ธาตุสังกะสีสูง รวมทั้งในพวกเนื้อและตับก็มีมากพอควร หรือจะหาซื้อไวตามินเกลือแร่มาบำรุงแทนก็ได้ ร่างกายต้องการแร่ธาตุสังกะสีวันละประมาณ 15-25 มิลลิกรัม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างน้ำอสุจิ
การฝึกกายบริหารกล้ามเนื้อของอุ้งเชิงกรานโดยการขมิบก้นนานครั้งละประมาณ 10 วินาที สักวันละ 100 ครั้ง ก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่บีบน้ำอสุจิออกมาแข็งแรงขึ้นก็จะทำให้น้ำอสุจิพุ่งออกมาได้แรงขึ้นด้วยในอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยังอาจมีส่วนช่วยในการลดการหลั่งเร็ว ซึ่งเป็นปัญหาของหนุ่มๆ ได้อีกด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วิธีดูน้ำผึ้งแท้หรือปลอม
น้ำผึ้ง (Honey) เป็นอาหารยอดนิยมชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย และด้วยความนิยมอย่างสูงและมีราคาแพงนี่เองจึงทำให้มีผู้ทำน้ำผึ้งปลอมหรือน้ำผึ้งผสมออกมาขายมากมาย จนผู้บริโภคขาดความมั่นใจในการซื้อน้ำผึ้ง ยิ่งผู้ซื้อที่ขาดความรู้ในวิธีการทดสอบน้ำผึ้งด้วยแล้ว แทบจะเลิกกินน้ำผึ้งกันไปเลย วันนี้เราได้รวบรวมวิธีการทดสอบน้ำผึ้งแท้และวิธีดูน้ำผึ้งแท้มาให้ท่านได้ใช้งานกันแล้วครับ ^ ^
น้ำผึ้งแท้ได้มาจากน้ำหวานจากเกสรดอกไม้
วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้ มีวิธีทำอย่างไรบ้าง
วิธีการทดสอบน้ำผึ้งแท้นั้นมีวิธีการทดสอบกันมากมายหลายวิธี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับท่านว่าสามารถทดสอบวิธีไหนได้บ้าง ดังนี้…
1. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการติดไฟ
วิธีทดสอบนี้ทำได้โดยนำไม่ขีดไฟมาจุ่มลงในน้ำผึ้ง แล้วเอามาขีดกับข้างกล่อง (ข้างกลัก) ไม้ขีด ถ้าสามารถขีดติดไฟได้ แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ แต่ถ้าขีดไม่ติด หัวไม้ขีดไฟเปื่อยยุ่ยแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งปลอม หรือน้ำผึ้งผสมน้ำตาล
2. การทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการหยดบนกระดาษทิชชู่
วิธีเช็คน้ำผึ้งด้วยวิธีนี้ ทำได้โดยการนำน้ำผึ้งที่ต้องการทดสอบหยดลงบนกระดาษทิชชู่ ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อหยดแล้วน้ำผึ้งนั้นจะคงรูปอยู่บนผิวทิชชู่ ไม่ซึมลงไปในเยื่อกระดาษ แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งปลอมหรือผสม น้ำผึ้งจะซึมลงกระดาษทิชชู่ทันทีที่หยดลงไป
3. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้ด้วยปูนแดง
วิธีนี้เป็นการทดสอบน้ำผึ้งด้วยด้วยปูนแดงหรือปูนกินหมาก วิธีการก็คือ เทน้ำผึ้งลงในฝ่ามือจากนั้นเทปูนแดงตามลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะรู้สึกร้อนที่ฝ่ามือทันที แต่ถ้าเป็นของปลอมจะไม่รู้สึกอะไรเลย
4. การทดสอบน้ำผึ้งด้วยการดม
วิธีตรวจสอบน้ำผึ้งแท้แบบนี้จะใช้วิธีการดม ซึ่งน้ำผึ้งแท้จะมีกลิ่นเฉพาะตัว คือมีกลิ่นหอมของน้ำหวานดอกไม้ผสมกับกลิ่นของรวงและไขมันผึ้งชัดเจน ในขณะที่น้ำผึ้งผสมหรือน้ำผึ้งปลอมจะมีกลิ่นน้อยมากหรือไม่มีเลย
5. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการแช่ตู้เย็น
วิธีการดูน้ำผึ้งแท้แบบนี้ทดสอบได้ง่ายมาก เพียงนำน้ำผึ้งไปใส่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะไม่จับตัวแข็งเป็นก้อน แต่จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ ในขณะที่ของปลอมจะจับตัวแข็งเหมือนนำน้ำหรือน้ำเชื่อมไปแช่นั่นเอง
น้ำผึ้งบรรจุขวดวางขายในประเทศสหรัฐอเมริกา
6. การทดสอบน้ำผึ้งโดยการเก็บ
น้ำผึ้งแท้นั้นเมื่อถูกเก็บไว้นานๆจะมีสีคล้ำขึ้น แต่รสชาติและลักษณะอื่นจะยังคงเหมือนเดิมทุกประการ ในขณะที่ของปลอมจะเกิดการแยกชั้นของน้ำผึ้งและน้ำตาลอย่างชัดเจน กลิ่น สีและรสชาติก็เปลี่ยนไปด้วย การทดสอบน้ำผึ้งแท้วิธีนี้ทำได้ง่ายมาก
7. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการเขย่า
วิธีนี้นิยมใช้ทดสอบน้ำผึ้งที่ใส่ขวดขาย ให้จับขวดให้แน่นและเขย่าอย่างแรงหลายๆครั้ง ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ซึ่งมีความหนืดสูง จะเกิดฟองอากาศขนาดใหญ่และไม่เกิดการแยกชั้นของของเหลวในขวด ในขณะที่น้ำผึ้งผสมหรือน้ำผึ้งปลอมจะเกิดฟองอากาศขนาดเล็กและเกิดการแยกชั้นของน้ำผึ้งและน้ำตาล
8. การทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการชิม
วิธีการตรวจสอบน้ำผึ้งแบบนี้จะเห็นผลชัดเจนเวลาเราเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ให้กินน้ำผึ้งประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ เมื่อผ่านไปประมาณ 20 นาที ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ เราจะรู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย มีแรง หายอ่อนเพลีย แต่ถ้าเป็นของปลอมเราจะไม่รู้สึกเช่นนี้เลย
9. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้โดยการหยดลงในน้ำเย็น
วิธีดูน้ำผึ้งแท้แบบนี้ทำได้ไม่ยาก เพียงนำน้ำเย็นจากตู้เย็นมาใส่แก้ว จากนั้นหยดน้ำผึ้งลงไป ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ หยดน้ำผึ้งนั้นจะจับตัวเป็นหยดและตกลงไปยังก้นแก้วก่อนจะค่อยๆลอยกลับขึ้นมา แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งผสมหรือน้ำผึ้งปลอม เมื่อหยดลงในน้ำเย็นก็จะเกิดการแตกตัวหรือแตกกระจายในน้ำทันที
10. การทดสอบน้ำผึ้งแท้ด้วยลักษณะทางกายภาพ
วิธีการดูน้ำผึ้งแท้วิธีนี้ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ น้ำผึ้งแท้จะมีสีใส มีความหนืดสูง ไหลช้าไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว มีสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม
11. วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้ด้วยห้องทดลอง
วิธีนี้ชาวบ้านอย่างเราๆคงไม่ได้ใช้ แต่จะใช้กับหน่วยงานของรัฐที่ให้การรับรองน้ำผึ้งแท้ วิธีนี้จะใช้การวิเคราะห์องค์ประกอบของน้ำผึ้งโดยละเอียด ซึ่งจะทราบผลได้ 100% ว่าเป็นน้ำผึ้งแท้หรือไม่
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
โรคกระเพาะ
1. โรคกระเพาะ
โรคที่นับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนทำงานที่มักจะทานข้าวไม่ตรงเวลาหรือไม่มีเวลาทานข้าว ซึ่งเกิดจากในขณะที่ร่างกายมีนาฬิกาชีวภาพอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่น้ำย่อยทำงานกลับไม่มีอาหารตกถึงท้อง ทำให้น้ำย่อยโจมตีเยื่อบุกระเพาะแทน เป็นสาเหตุทำให้คนที่ทานข้าวไม่ตรงเวลามักปวดท้องเนื่องจากท้องว่างนั่นเอง !
เช็กอาการปวดท้อง แบบไหนใช่โรคกระเพาะ …
- แผลที่เกิดในลำไส้เล็กส่วนต้น จะมีอาการปวดท้องบริเวณท้องด้านขวาส่วนบน เวลาหิว จะหิวบ่อย
- แผลที่เกิดในกระเพาะอาหารโดยตรง จะมีอาการปวดท้องเวลาอิ่ม จะรู้สึกแสบๆ เจ็บๆ บริเวณยอดอกหรือลิ้นปี่
- ถ้าร้ายแรง อาจทำให้ปวดท้องอย่างหนัก อาเจียนและมีอาการถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บอกลาโรคกระเพาะ …
- ผ่อนคลายจิตใจ ด้านความเครียด ความกังวลต่างๆ เพราะนั่นมีผลต่อการกระตุ้นให้กระเพาะสร้างกรดเพิ่มขึ้น มากกว่าปกติ
- หมั่นออกกำลังกาย ให้กล้ามเนื้อท้องผ่อนคลาย แข็งแรง กระเพาะอาหารก็จะแข็งแรงไปด้วย
- จัดสรรเวลาการทำงาน หมั่นทานอาหารให้เป็นเวลาและสม่ำเสมอ (ฝึกทานให้เป็นอุปนิสัย)
โรคที่นับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนทำงานที่มักจะทานข้าวไม่ตรงเวลาหรือไม่มีเวลาทานข้าว ซึ่งเกิดจากในขณะที่ร่างกายมีนาฬิกาชีวภาพอยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่น้ำย่อยทำงานกลับไม่มีอาหารตกถึงท้อง ทำให้น้ำย่อยโจมตีเยื่อบุกระเพาะแทน เป็นสาเหตุทำให้คนที่ทานข้าวไม่ตรงเวลามักปวดท้องเนื่องจากท้องว่างนั่นเอง !
เช็กอาการปวดท้อง แบบไหนใช่โรคกระเพาะ …
- แผลที่เกิดในลำไส้เล็กส่วนต้น จะมีอาการปวดท้องบริเวณท้องด้านขวาส่วนบน เวลาหิว จะหิวบ่อย
- แผลที่เกิดในกระเพาะอาหารโดยตรง จะมีอาการปวดท้องเวลาอิ่ม จะรู้สึกแสบๆ เจ็บๆ บริเวณยอดอกหรือลิ้นปี่
- ถ้าร้ายแรง อาจทำให้ปวดท้องอย่างหนัก อาเจียนและมีอาการถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บอกลาโรคกระเพาะ …
- ผ่อนคลายจิตใจ ด้านความเครียด ความกังวลต่างๆ เพราะนั่นมีผลต่อการกระตุ้นให้กระเพาะสร้างกรดเพิ่มขึ้น มากกว่าปกติ
- หมั่นออกกำลังกาย ให้กล้ามเนื้อท้องผ่อนคลาย แข็งแรง กระเพาะอาหารก็จะแข็งแรงไปด้วย
- จัดสรรเวลาการทำงาน หมั่นทานอาหารให้เป็นเวลาและสม่ำเสมอ (ฝึกทานให้เป็นอุปนิสัย)
ปวดท้องคิดว่าเป็นอะไร
ปวดท้องคิดว่าเป็นอะไร
1. ชายโครงขวา คือตับและถุงน้ำดี
อาการที่พบมักจะกดแล้วเจอก้อนแข็งร่วมกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า อาจเป็นโรคเกี่ยวกับตับหรือถุงน้ำดี เช่น ตับอักเสบ ฝีในตับ ถุงน้ำดีอักเสบ
2. ใต้ลิ้นปี่คือ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ และกระดูกลิ้นปี่
-ปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะ
-ปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
-คลำเจอก้อนเนื้อค่อนข้างแข็งและมีขนาดใหญ่ อาจหมายถึงตับโต
-คลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็กๆ มักเป็นกระดูกลิ้นปี่
3. ชายโครงขวาคือ ม้าม ซึ่งมักจะคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณนี้
4. บั้นเอวขวาคือท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
-ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ่ายเป็นเลือด อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
-ปวดร้าวถึงต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต
-ปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น อาจเป็นกรวยไตอักเสบ
-คลำเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นไตโตผิดปกติหรือเนื้องอกในลำไส้ใหญ่
5. รอบสะดือคือ ลำไส้เล็ก
มักพบในโรคท้องเดินหรือไส้ติ่งอักเสบ(ก่อนจะย้ายมาปวดท้องน้อยขวา) แต่ถ้าปวดแบบมีลมในท้อง ก็อาจเป็นเพราะกระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ
6. บั้นเอวซ้ายคือ ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่(เหมือนข้อ 4)
7. ท้องน้อยขวาคือ ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก
-ปวดเกร็งเป็นระยะร้าวมาที่ต้นขา อาจเป็นเพราะมีก้อนนิ่วในกรวยไต
-ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก มักเป็นไส้ติ่งอักเสบ
-ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว มักเป็นเพราะปีกมดลูกอักเสบ
-คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ
8. ท้องน้อยคือ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก
-ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะหรือถ่ายกะปริดกะปรอย มักเป็นเพราะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
-ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน เป็นอาการปวดประจำเดือน แต่ในรายที่ปวดเรื้อรังในหญิงแต่งงานแล้วไม่มีบุตร อาจเป็นเนื้องอกในมดลูก
9. ท้องน้อยซ้ายคือ ปีกมดลูกและท่อไต
-ปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขา มักเป็นนิ่วในท่อไต
-ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว เป็นเพราะมดลูกอักเสบ
-ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
-คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ อาจเป็นเนื้องอกในลำไส้
1. ชายโครงขวา คือตับและถุงน้ำดี
อาการที่พบมักจะกดแล้วเจอก้อนแข็งร่วมกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งสันนิษฐานเบื้องต้นได้ว่า อาจเป็นโรคเกี่ยวกับตับหรือถุงน้ำดี เช่น ตับอักเสบ ฝีในตับ ถุงน้ำดีอักเสบ
2. ใต้ลิ้นปี่คือ กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ และกระดูกลิ้นปี่
-ปวดเป็นประจำเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะ
-ปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
-คลำเจอก้อนเนื้อค่อนข้างแข็งและมีขนาดใหญ่ อาจหมายถึงตับโต
-คลำได้ก้อนสามเหลี่ยมแบนเล็กๆ มักเป็นกระดูกลิ้นปี่
3. ชายโครงขวาคือ ม้าม ซึ่งมักจะคลำเจอก้อนเนื้อบริเวณนี้
4. บั้นเอวขวาคือท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่
-ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติหรือถ่ายเป็นเลือด อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
-ปวดร้าวถึงต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต
-ปวดร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะขุ่น อาจเป็นกรวยไตอักเสบ
-คลำเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นไตโตผิดปกติหรือเนื้องอกในลำไส้ใหญ่
5. รอบสะดือคือ ลำไส้เล็ก
มักพบในโรคท้องเดินหรือไส้ติ่งอักเสบ(ก่อนจะย้ายมาปวดท้องน้อยขวา) แต่ถ้าปวดแบบมีลมในท้อง ก็อาจเป็นเพราะกระเพาะลำไส้ทำงานผิดปกติ
6. บั้นเอวซ้ายคือ ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่(เหมือนข้อ 4)
7. ท้องน้อยขวาคือ ไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูก
-ปวดเกร็งเป็นระยะร้าวมาที่ต้นขา อาจเป็นเพราะมีก้อนนิ่วในกรวยไต
-ปวดเสียดตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมาก มักเป็นไส้ติ่งอักเสบ
-ปวดร่วมกับมีไข้สูง หนาวสั่น มีตกขาว มักเป็นเพราะปีกมดลูกอักเสบ
-คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ อาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ
8. ท้องน้อยคือ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก
-ปวดเวลาถ่ายปัสสาวะหรือถ่ายกะปริดกะปรอย มักเป็นเพราะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
-ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน เป็นอาการปวดประจำเดือน แต่ในรายที่ปวดเรื้อรังในหญิงแต่งงานแล้วไม่มีบุตร อาจเป็นเนื้องอกในมดลูก
9. ท้องน้อยซ้ายคือ ปีกมดลูกและท่อไต
-ปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวมาที่ต้นขา มักเป็นนิ่วในท่อไต
-ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น ตกขาว เป็นเพราะมดลูกอักเสบ
-ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ อาจเป็นเพราะลำไส้ใหญ่อักเสบ
-คลำพบก้อนร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ อาจเป็นเนื้องอกในลำไส้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)