สำหรับสักการบูชาการตั้งพระพุทธรูป
เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่พุทธศาสนิกชนผู้จัดสร้างพุทธรูป(จำลอง)
ไว้สักการบูชาการอัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานยังเคหสถานบ้านเรือนของผู้จัดสร้างจัดเป็นสิ่งสำคัญยิ่งตามบาลีกล่าวไว้ว่า”พุทธัปปุโขภิกขุสังโฆพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขโดยความเป็นประธาน”
จึงขอเสนอการจัดตั้งพระพุทธรูปตามทิศต่างๆให้ทราบเพื่อพิจารณาจัดตั้งตามความเหมาะสมของสถานที่ ดั่งต่อไปนี้
๑.ตั้งให้พระพักตร์หันไปสู่ ทิศอีสาน ซึ่งเป็น ทิศเศรษฐี จะประกอบการงานใดเจริญร่ำรวยยิ่งๆเป็นที่หนึ่ง
๒.ตั้งให้พระพักตร์หันไปสู่ ทิศบูรพา ซึ่งเป็น ทิศราชา จะประกอบการงานใดๆก็ใหญ่โตสมความตั้งใจ
๓.ตั้งให้พระพักตร์หันไปสู่ ทิศทักษิณ ซึ่งเป็น ทิศปฐม
ท่านว่าไม่ดีแล ทำอะไรไม่ค่อยเกิดผล
ลาภตกต่ำ พอมีพอใช้
๔.ตั้งให้พระพักตร์หันไปสู่ ทิศทักษิณ
ซึ่งเป็น ทิศจัณฑาล จะประกอบการงานใด แสนยากลำบากกาย ผลประโยชน์ที่ได้ไม่คุ่มกับที่ลงทุนลงแรง
๕.ตั้งให้พระพักตร์หันไปสู่ ทิศหรดี ซึ่งเป็น ทิศวิปฏิสาร
จะประกอบการงานใดๆนำความเดือดร้อนยุ่งยากมาสู่ครอบครัว ตลอดจนเพื่อนบ้านเรือนเคียง
๖.ตั้งให้พระพักตร์หันไปสู่ ทิศประจิม ซึ่งเป็น ทิศกาฬกิณี
จะทำงานสิ่งใดก็เกิดลังเลใจไม่เป็นมงคล ระวังภัยจะเกิดกับตน
ร้ายแรงถึงอัตตวิบากกรรม ด้วยประการต่างๆ ไม่ดีแล
๗.ตั้งให้พระพักตร์หันไปสู่ ทิศพายัพ ซึ่งเป็น ทิศอุทัจจะ จะทำงานสิ่งใด
ผลงานไม่แน่นอน เรรวนไม่ได้ผล
๘.ตั้งให้พระพักตร์หันไปสู่ ทิศอุดร
ซึ่งเป็น ทิศมัชฌิมาปฏิปทา
จะทำงานใดๆผลของงานอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
ไม่ดี-ไม่ชั่ว ไม่สูง-ไม่ต่ำ
การจะกำหนดเอาว่าทิศใดอยู่ทางใดนั้นขอให้ถือเอาเวลาพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก(บูรพา)
เป็นเกณฑ์
หรือจะอนุโลมจัดตั้งโดยถือเอาองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดตามละแวกบ้านของท่านหันพระพักตร์ไปทางใด จัดตั้งตามนั้นก็อนุโลมได้
อันนี้คัดมาจากหนังสือของผู้ชำนานในการตั้งศาลพระภูมิ แต่ในความคิดของผู้เขียนพระพุทธรูปคงไม่ได้มีอิจฐิพลกับชีวิตคนมากหมายขนาดนั้น เพราะแม้แต่พุทธเจ้าเองก็ยังเคยสอนไว้ ให้เชื้อคำสอนมากกว่าวัตถุ ถ้าตั้งพระพุทธถูกทิศแล้วรวยในโลกนี้ก็คงไม่มีคนจน