10 อันดับ นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก |
|
|
|
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เดอะซัน ของอังกฤษ ได้มีการจัดอันดับนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในเวลานี้ มีใครกันบ้าง ไปชมกันเลยครับ |
|
|
สตีเว่น เจอร์ราร์ด "กองกลางมหัศจรรย์ของอังกฤษ" สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยอดกัปตันทีมแห่งค่าย “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มีชื่อเต็มว่า สตีเว่น จอร์จ เจอร์ราร์ด เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองวิสตัน เมอร์ซี่ย์ไซด์ ลิเวอร์พูล เข้าสู่เส้นทางลูกหนังจากการลงเล่นให้กับโรงเรียนคาร์ดินัล ฮีแนน คาธอลิก ไฮจ์สคูล ในเวสต์ดาร์บี้ เมืองลิเวอร์พูขณะที่ เจอร์ราร์ด เอง ก็ยังไม่รู้ว่าจะปักหลักอยู่ในแอนฟิลด์ ต่อไปหรือไม่ แต่เจอร์ราร์ดก็ยังทุ่มเทเต็มที่ในการลงสนามให้กับลิเวอร์พูล จนกระทั่งพาทีม "หงส์แดง" ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้แบบพลิกความคาดหมาย ซึ่งลิเวอร์พูล ต้องพบกับ เอซี มิลาน ยอดทีมจาก อิตาลี ในการฟาดแข้งที่สนาม อตาเติร์ก สเตเดี้ยม กรุงอิสตันบุล ประเทศตุรกี และก็ดูเหมือนว่า "หงส์แดง" จะต้องผิดหวังตั้งแต่การแข่งขันครึ่งแรกจบลง เมื่อเป็นฝ่ายตามหลังไปถึง 0-3 แต่ เจอร์ราร์ด ในฐานะกัปตันทีมก็ยังไม่ยอมแพ้ กระตุ้นให้ลูกทีมฮึดสู้ตามไปด้วย และเขาก็โหม่งประตูตีไข่แตกช่วยให้ ลิเวอร์พูล ไล่มาเป็น 1-3 พร้อมทั้งความหวัง ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้สวยหรู ด้วยการเฉือนเอาชนะ เชลซี มาได้ 2-1 ในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ช่วงเปิดฤดูกาล ซึ่ง แม้ว่า เจอร์ราร์ด จะไม่ได้ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริง ก่อนที่จะถูกส่งลงไปเล่นแทน เบาเด้นไวน์ เซนเด้น ในช่วงครึ่งหลัง แต่ หลังจากนั้น ลิเวอร์พูล ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย โดยพวกเขาได้อันดับ 3 ในศึกพรีเมียร์ชิพ มีคะแนนตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 21 แต้ม และในเกมเอฟเอ คัพ พวกเขาก็ไปแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล ในรอบที่สาม ขณะที่ เกมคาร์ลิ่ง คัพ ทีม “หงส์แดง” ก็กระเด็นตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ไปด้วยน้ำมือของ อาร์เซน่อล อีกเช่นเคย หลังปราชัยคาถิ่น แอนฟิลด์ ของตัวเอง ไปแบบย่อยยับ 3-6 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ดร็อกบา ระเบิดฟอร์มได้สุดยอดในฤดูกาล 2006/07 เมื่อเหมาคนเดียวถึง 33 ประตูรวมทุกรายการ และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่ทำประตูให้เชลซีได้มากที่สุด นับตั้งแต่ที่ เคอร์รี่ ดิ๊กสัน เคยทำได้ในฤดูกาล 1984/85 และ 20 ประตูที่ทำได้ในลีก ก็ทำให้เขาคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ชิพไปครอง นอกจากนั้น การลงสนามทั้งหมด 60 นัด ยังทำให้เขาเป็นนักเตะที่ลงสนามต่อซีซั่นมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรด้วย ไม่เพียงแต่จะทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ดร็อกบา ยังมักจะเป็นคนทำประตูสำคัญๆ ซึ่งรวมถึงการเหมาคนเดียว 2 ลูกให้ "สิงห์บลูส์" เอาชนะ อาร์เซน่อล 2-1 พร้อมกับคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ไปครองในปี 2007, ทำประตูได้ในเกมที่พบกับ บาร์เซโลน่า ทั้งเหย้าและเยือน ก่อนจะกลายเป็นนักเตะจากทวีปแอฟริกาคนแรก ที่ทำประตูในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ได้ ซึ่งเป็นประตูชัยที่ทำให้เชลซี เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ดร็อกบา ย้ายจาก โอลิมปิก มาร์กเซย มาร่วมทีมเชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,680 ล้านบาท) พร้อมกับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีก เอิง ฝรั่งเศส เป็นเครื่องการันตีความสามารถ นักเตะผู้พาไอวอรี่โคสต์ได้ร่วมสังฆกรรมในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 2006 ย้ายจากทวีปแอฟริกา มาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะเริ่มต้นเล่นฟุตบอลในตำแหน่งแบ็กขวา หลังจากที่ได้เล่นให้กับสโมสรเล็กๆ มาแล้วหลายครั้ง ดร็อกบา ก็ตัดสินใจที่จะปฏิเสธข้อเสนอการทดสอบฝีเท้ากับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก่อนจะร่วมทีม เลอ ม็องส์ ในดิวิชั่น 2 ของเมืองน้ำหอม และเลื่อนขึ้นมาเล่นในลีก เอิง กับ แก็งก็อง การทำได้ 17 ประตูในฤดูกาล 2002/03 ได้เตะตาโชเซ่ มูรินโญ่ ที่ขณะนั้นยังเป็นผู้จัดการทีมของปอร์โต้ ทว่า ทีมดังของโปรตุเกส ไม่มีเงินพอที่จะซื้อ ดร็อกบา มาร่วมล่าตาข่ายได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจย้ายซบ มาร์กเซย ในฤดูกาลที่ 2 กับโอแอ็ม หัวหอกไอวอรี่โคสต์ ก็ซัดไป 18 ประตูจากการลงสนามในลีก 35 นัด และทำได้ 6 ประตูในการแข่งขันยูฟ่า คัพ ซึ่งมาร์กเซย ทะยานเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ จากนั้น "เดอะ ดร็อก" ก็ได้เซ็นสัญญากับ เชลซี ซึ่งมี มูรินโญ่ เป็นนายใหญ่ของทีม และกลายเป็นกำลังสำคัญในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ นับตั้งแต่ฤดูกาล 2004/05 จวบจนถึงปัจจุบัน นอกจากจะเป็นศูนย์หน้าที่เชลซีแทบจะขาดไม่ได้แล้ว ดร็อกบา ยังเป็นกัปตันทีมชาติไอวอรี่โคสต์ด้วย และผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาก็ทำให้ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปแอฟริกาปี 2006 ไปครอง โดยเขาติดทีมชาติเป็นครั้งแรก ในเกมที่เสมอกับแอฟริกาใต้ 0-0 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2002 และเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีม "ช้างดำ" ในเวลานี้หลังทำไปแล้ว ในกลางฤดูกาล 2007/08 มูรินโญ่ ผู้เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเขา โดนเด้งออกจากทีม ช่วงนั้นเป็นเวลาที่เขาเศร้ามาก ถึงขนาดเคยเปรยว่าจะออกจากทีมเลยทีเดียว แต่ก็ทนอยู่กับทีมมาอีกได้ในท้ายที่สุด ช่วงต้นฤดูกาล 2008/09 ดรอกบามีปัญหาปืนฝืด ทำให้โค้ชสโคลารี่ ดรอปเขาเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง ครั้นพอสโคลารี่ โดนเด้งออกไป และคนที่มาแทนคือ กุส ฮิดดิ้ง ความคมของดรอกบาก็กลับมาทันที จนจบฤดูกาลด้วย 15 ประตูจากการลงเล่น 39 นัด |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เวยน์ รูนี่ย์ "เปเล่ขาวของชาวอังกฤษ" เวย์น รูนี่ย์ มีชื่อเต็มว่า เวย์น มาร์ค รูนี่ย์ เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปี 1985 ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ และเขาก็เริ่มต้นอาชีพนักเตะด้วยการเข้าร่วมทีมเยาวชนของเอฟเวอร์ตัน อีกหนึ่งสโมสรดังในเมืองลิเวอร์พูล ด้วยฝีเท้าที่ฉกาจกรรจ์เกินวัย บวกกับพรสวรรค์ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้ รูนี่ย์ เติบโตขึ้นในวงการลูกหนังได้อย่าง ไม่อยากเย็น โดยตอนที่อายุ 14 ปี เขาก็ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมเยาวชนชุดไม่เกินอายุ 19 ปี แล้ว และสามารถรับมือกับบรรดานักเตะที่อายุมากกว่าได้สบายๆ ในวัย 16 ปี เขาก็โดน เดวิด มอยส์ กุนซือของเอฟเวอร์ตัน ดึงตัวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่แล้ว และก็แจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีก ด้วยการซัดประตูสุดสวยช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปได้ 2-1 เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2002 และประตูชัยของรูนี่ย์ ก็หยุดสถิติไม่พ่ายแพ้มานานถึง 30 นัด ของ อาร์เซน่อล ลงไปได้ รูนี่ย์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่พรสวรรค์สูงที่สุดของอังกฤษ นับตั้งแต่หมด พอล แกสคอยน์ กองกลางอัจฉริยะของพวกเขา แต่กว่า แกซซ่า จะติดทีมชาติก็อายุ 22 ปีแล้ว ขณะที่ รูนี่ย์ เป็นกำลังสำคัญของทีม “สิงโตคำราม” ตั้งแต่อายุ 18 ปี สเวน โกรัน อีริคส์สัน เคยกล่าวยกย่อง รูนี่ย์ ว่าจะกลายเป็นตำนานลูกหนังของโลก เช่นเดียวกับ เปเล่ ของบราซิล โดยที่ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือทีมชาติโปรตุเกส ตอบคำถามนักข่าวที่ถามถึงการเปรียบเทียบกันระหว่าง เปเล่ กับ รูนี่ย์ ว่า “ก็แค่คนหนึ่งผิวดำ ส่วนอีกคนหนึ่งผิวขาว เท่านั้น” จนทำให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บางกลุ่ม เรียก รูนี่ย์ ว่า “เอล บลังโก้ เปเล่” รูนี่ย์ เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพา อังกฤษ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2006 แม้ว่าเขาจะยิงประตูไม่ได้ แต่ก็ช่วยสร้างสรรค์เกม และจ่ายบอลให้กับเพื่อนร่วมทีมหาจังหวะทำประตูได้ อย่างไรก็ตาม รูนี่ย์ กลับพบโชคร้าย เมื่อได้รับบาดเจ็บกระดูกฝ่าเท้าขวาแตก ในการลงสนามนัดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ เชลซี 0-3 ในศึกพรีเมียร์ชิพ เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา และคาดว่าเขาจะต้องพักอย่างน้อย 6 สัปดาห์ หรือกว่าจะฟิตสมบูรณ์กลับมาลงสนามได้ในฟุตบอลโลก ก็ต่อเมื่อจบรอบแรก ไปแล้ว แต่ สเวน โกรัน อีริคส์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษ ก็ยังมั่นใจในตัวลูกทีมรายนี้ และใส่ชื่อเขาไปลุย เยอรมัน 2006 แม้ว่าจะโดนวิจารณ์อย่างหนัก นั่นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ รูนี่ย์ ได้เป็นอย่างดี |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เป็นกองหน้าฝีเท้าดีคนหนึ่งของยุโรป ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ "ม้าลาย" ยุเวนตุส สโมสรดังจากอิตาลี เกิดวันที่ 3 ตุลาคม ปี 1981 โดยกำลังจะอายุครบ 25 ปีแล้ว ฟังชื่ออาจดูไม่เหมือนคนทางฝั่งยุโรป เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเป็นชาวบอสเนียที่อพยพมาอยู่ในประเทศสวีเดน แต่ทว่า ซลาตัน ก็เกิดและเติบโตในย่านใกล้กับเมือง มัลโม้ นั่นคือ โรเซนการ์ด ซึ่งส่วนใหญ่จะที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ และในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2009/10 บาร์เซโลน่า ซึ่งต้องการปล่อยตัว ซามูเอล เอโต้ ออกไปอยู่แล้ว ได้บรรลุข้อตกลง ในการยื่นตัวเอโต้บวกเงิน แลกตัวซลาตัน มายังถิ่นคัมป์ นู แทนแล้ว โดยเปิดตัวกับทีมใหม่เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
กาก้า เป็นหนึ่งใน 5แผงมิดฟิลด์ของมิลาน ในฤดูกาล 2004-2005 ในปี 2006นี้ รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากสเปนแสดงความสนใจที่จะคว้าตัว กาก้า ไปร่วมทัพ แต่ทาง มิลาน ก็ปฏิเสธกลับไป โดยการจับดาวเตะวัย 24ปีรายนี้เซ็นสัญญาใหม่ที่จะทำให้เจ้าตัวอยู่กับทีมไปจนกระทั้งปี 2011 ต่อมา ในวันที่ 1พฤศจิกายน ปีเดียวกัน กาก้า ก็จัดการทำแฮตทริกที่สองให้กับตัวเองในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ อันเดอร์เลช ที่ทีมจาก อิตาลี เอาชนะไปได้ 4-1 และเป็นแฮตทริกแรกในบอลยุโรปของ ดาวเตะรูปหล่อรายนี้ด้วย กาก้า ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี 2006จากบรรดาสื่อมวลชน โดยมีการทำโพลของ"โอ โกลโบ"นิตยสารในบราซิล ในหัวข้อที่ว่า"ใครคือผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก"ซึ่งจากผลสำรวจปรากฏว่า กาก้า ได้รับการโหวตถึง 81.5เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่2นั้นเป็น โรนัลดินโญ่ ทีได้ 11เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมี กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของอิตาลี ที่ตั้งหัวข้อสำรวจเดียวกัน และ กาก้า ก็ติดอยู่ในกลุ่มผู้เล่นยอดเยี่ยมที่ได้รับการโหวตเหมือนเดิม และหลังจากนั้น คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของ มิลาน ก็ออกมายกย่องลูกทีมของตนเองว่า กาก้านั้นเป็นผู้เล่นที่สมควรจะได้รางวัลฟุตบอลทองคำในปี 2006มากที่สุด แต่ก็ไม่เป็นไปมคาดเมื่อ ซีเนดีน ซีดาน เป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครอง |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง 1997-2000 : เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในปี 1997 เอโต้ เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีม เรอัล มาดริด ในฐานะนักฟุตบอลฝึกหัดในทีมชุด บี ซึ่งเล่นอยู่ในระดับเซกุนด้า บี ซึ่งไม่อนุญาตให้นักเตะนอกอียูลงทำการแข่งขัน บวกกับด้วยความที่อายุของเอโต้ยังน้อยมากได้ ส่งผลให้ เรอัล มาดริด จึงปล่อยตัวเขาให้ เลกาเนส ยืมตัวไปใช้งานในช่วงฤดูกาล 1997-1998 หลังหมดสัญญายืมตัวกับ เลกาเนส เอโต้ ก็ถูกเรอัล มาดริด ส่งให้ไปหาประสบการณ์กับ เอสปันญ่อล แต่ได้ลงสนามเพียงน้อยนิด ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมเรอัล มายอร์ก้า แบบยืมตัวเช่นเคย ซึ่งหลังจากที่โชว์ฟอร์มได้อย่างประทับใจให้กับ "ทีมชาวเกาะ" มายอร์ก้า ก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัว หัวหอกชาวแคเมอรูน มาร่วมทีม โดยมีสถานะเป็นเจ้าของร่วมกับเรอัล มาดริด 2004-ปัจจุบัน : ซูเปอร์สตาร์ในถิ่นคัมป์นู เอโต้ ประเดิมสนามนัดแรกให้กับ บาร์ซ่า ในเกมลีกที่พบกับ ราซิ่ง ซานตานเดร์ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2004 และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็กลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูให้กับทีม "เจ้าบุญทุ่ม" มาตลอด โดยฤดูกาลแรกทำไป 25 ประตู และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกมาครอง เนื่องจากประตูที่ทำได้ในเกมกับ เลบานเต้ กลายเป็นประตูตัดสินแชมป์ โดยเขาใช้เวลาเพียง 67 นัด ก็สามารถทำสถิติยิงครบ 50 ประตูให้กับ บาร์ซ่า ได้อย่างรวดเร็ว ช่วงจบฤดูกาล 2009/10 เอโต้ ซึ่งมีปัญหาอยู่ลับๆ กับโจน ลาปอร์ต้า จนทำให้ทางทีมหาทางเอาเขาออกจากทีม ซึ่งก็ได้ทำการแลกตัว เอโต้ กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ของทีมอินเตอร์ มิลาน ของลีกอิตาลี เป็นที่เรียบร้อย |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
อันเดรส อีเนียสตา ลูคัน (สเปน: Andrés Iniesta Luján) เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 1984 เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน เป็นกองกลางของทีมชาติสเปนในชุดชนะการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ปัจจุบันเขาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในลาลีกา ภายหลังจากการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนลีก 2009 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 นัดชิงชนะเลิศ เขาทำประตูให้กับฟุตบอลทีมชาติสเปน ในนาทีที่ 116 ในการแข่งขันกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ นับเป็นประตูสุดท้ายในฟุตบอลโลกครั้งนี้ และทำให้เขาเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งนัด (Man of the Match) ของเกมนี้อีกด้วย |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ชาเบียร์ เอร์นันเดซ อี เกรอุส (คาตาลัน: Xavier Hernández i Creus) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชาบี (Xavi) เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1980 (อายุ 31 ปี) เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันเล่นตำแหน่งกองกลางตัวกลางให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในลาลีกา ชาบีได้รับตำแหน่งผู้เล่นแห่งเกมในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2009 ที่เขาทำให้ทีมบาร์เซโลนาชนะสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจนเป็นแชมป์ เขายังได้เป็นผู้เล่นแห่งทัวร์นาเมนต์โดยยูฟ่า ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 เขาเข้าการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติสเปน 93 ครั้ง เขายังมักถูกอ้างว่าเป็น 1 ในกองกลางที่ดีที่สุดที่ยังเล่นอยู่ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คริสเตียโน โรนัลโด (โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo) ชื่อเต็มว่า กริชเตียนู รูนัลดู โดช ซันตูช อาเวรู (โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiro) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส ปัจจุบันสังกัดสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สวมเสื้อหมายเลข 7 และกำลังจะย้ายไปยังสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1 ประวัติ คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายชูเซ ดีนิช อาเวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมาเรีย ดูโลริช อาเวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์ โรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้สนใจที่จะนำโรนัลโดมาร่วมทีม และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้คว้าตัว โรนัลโด ไปร่วมทีมได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2003-2004 โรนัลโด ใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ชิพ และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ กับ มิลล์วอลล์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2009 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยอมรับว่า ได้รับข้อเสนอการซื้อตัวจากสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ปรากฏว่าคริสเตียโนก็มีความต้องการที่จะออกจากคลับเช่นกัน โดยเขาได้ตกลงย้ายออกไป การซื้อตัวครั้งนี้ถือเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ลีโอเนล เมสซี่ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน 1987 ขณะอายุ 5 ขวบเค้าก็หัดเริ่มเล่นบอลแล้ว ในปี 1995 เมสซี่จึงไปเข้าสังกัด นีเวลล์ โอลด์ บอย ตอนนั้นเขาอายุ 11 ปี แต่เมสซี่มีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของฮอร์โมนทำให้เขาคัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก ขณะนั้น คาเรส เรซัคส์ สปอร์ตไดเรกเตอร์ของบาร์เซโลน่าก็ได้เห็นแววเจ้าหนูคนนี้ จึงยื่นข้อเสนอที่จะเซ็นสัญญาให้กับเค้า พร้อมกับจ่ายค่ายาในการรักษาตัวด้วย ถ้าเมสซี่ตกลงจะย้ายมาใช้ชีวิตใหม่ในสเปนกับบาร์ซ่า ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวเมสซี่จึงย้ายไปอยู่ในสเปนกัน -ในปี 2006-07 เมสซี่โชว์ฟอร์มสุดยอดอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับการเจ็บยาวของเอโต้และแผงหลังอันอ่อนยวบของบาร์ซ่า ทำให้ทีมนั้นต้องพึ่งเขาโดยตลอด แต่ในเกมนัดเจอซาราโกซ่า เมสซี่ก็เกิดอาการบาดเจ็บจนต้องพักยาวไป 3 เดือน ซึ่งตอนนั้นเองก็ได้มีข่าวลือว่าอินเตอร์มิลานสนใจคว้าเจ้าหนูรายนี้ไปครอง เมสซี่กลับมาเล่นเต็มเกมครั้งแรกได้ในเกมพบกับ รีลมาริดคู่ปรับตลอดกาล ซึ่งเมสซี่ก็ได้ระเบิดฟอร์มซัดแฮตทริกแรกสำเร็จ แต่ในฤดูกาลนี้เค้าไม่สามารถช่วยบาร์ซ่าค้าแชมป์ ลาลีกา ได้ ดดนแพ้ มาดริดไปแบบเฉียดเส้นยาแดงด้วยกฎเฮด ทูเฮด เมสซี่ซึ่งนอกจากมีรูปร่างและสไตล์การเล่นใกล้เคียงกับ มาราโดน่า 1ในตำนานของอาเจนติน่าแล้ว เค้ายังสามารถตอกย้ำสิ่งที่เหมือนเข้าไปใหญ่คือการเลี้ยงหลบผู้เล่น 6 คน(รวมโกลด้วย)ของเคตาเฟ่ เข้าไปยิงประตู อีกทั้งในนัดเจอเอสปันญ่อล เค้ายังสามารถทำประตูแบบ Hand of god ที่มาราโดน่าทำได้อีกด้วย - เมสซี่ถนัดซ้าย แต่ไรจ์การ์ดให้เค้าเล่นปีกขวา แต่เจ้าหนูก็ยังเล่นได้อย่างเนียนมาก จนกลายเป็นตำแหน่งถนัดของเค้าไปเลย - ค่ายาที่คอยรักษาเมสซี่คือ 500 ปอนด์ต่อเดือน ซึ่งในตอนสมัยเด็กริเวอร์เพลทสนใจจะดึงเค้าไปร่วมทีมแต่จ่ายค่ารักษาไม่ไหว - สถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นและยิงประตูในลาลีกาของเมสซี่โดนทำลายโดย เด็กมหัศจรรย์อีกคน โบยาน เกรกิซ (โดยเมสซี่ ก็ยังเป็นคนจ่ายบอลให้เกรกิซยิงนั่นเอง) |
|
|
|
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น