วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กฎเกณฑ์การอภัยโทษ


อภัยโทษมีกฎเกณฑ์อย่างไร
ตามพระราชกฤษฎีกา    พระราชทานอภัยโทษ  พ.ศ. ๒๕๕๓
มาตรา    ภายใต้บังคับมาตรมา ๘  มาตรา ๙  มาตรา  ๑๑ และมาตรา ๑๒  นักโทษเด็ดขาด ดั่งต่อไปนี้  ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
(๑) ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ว่ากรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี  ซึ้งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่รวมกันไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
(๒)ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
        ก.เป็นคนพิการโดยตาบอดทั้งสองข้าง  มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้างหรือเป็นบุคคลซึ้งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นคนทุพพลมีลักษณะอันเห็นได้ชัด
       ข.เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน  โรคไตวายเรื้อรัง  โรคมะเร็ง  โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง(โรคเอดส์) หรือโรคจิต ซึ่งทางราชการได้ทำการรักษามาแล้วไม่น้อยว่าสามเดือนในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และแพทย์ทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถรักษาในเรือนจำให้หายได้  และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าสามปี หรือไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษเว้นแต่เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย   หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง(โรคเอดส์)ระยะสุดท้าย ซึ่งแพทย์ทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถรักษาในเรือนจำให้หายได้
      ค.เป็นหญิงซึ่งต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก  และไม่ว่ากรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับการลงโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งในสองของทาตามกำหนดโทษ
      ง.เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนบ้านราษฎรหรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องเหลือโทษจำคุกไม่เกินสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ หรือเป็นบุคคลมีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป
    จ.เป็นผู้ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และมีอายุไม่ครบยี่สิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนราษฎรหรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำกรณีไม่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและไม่ว่าความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องรับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า  ๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษ หรือ
    ฉ.เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม และไม่ว่าความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี โทษจำคุกตามกำหนดโทษที่ต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่รวมกันไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น