อภัยโทษมีกฎเกณฑ์อย่างไร
ตามพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๕๓
มาตรา ๖
ภายใต้บังคับมาตรมา ๘ มาตรา ๙ มาตรา
๑๑ และมาตรา ๑๒ นักโทษเด็ดขาด
ดั่งต่อไปนี้
ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
(๑)
ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ว่ากรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ้งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่รวมกันไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
(๒)ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
ก.เป็นคนพิการโดยตาบอดทั้งสองข้าง
มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้างหรือเป็นบุคคลซึ้งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นคนทุพพลมีลักษณะอันเห็นได้ชัด
ข.เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง(โรคเอดส์) หรือโรคจิต
ซึ่งทางราชการได้ทำการรักษามาแล้วไม่น้อยว่าสามเดือนในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
และแพทย์ทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถรักษาในเรือนจำให้หายได้ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี
ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าสามปี หรือไม่น้อยกว่า
๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษเว้นแต่เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง(โรคเอดส์)ระยะสุดท้าย
ซึ่งแพทย์ทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถรักษาในเรือนจำให้หายได้
ค.เป็นหญิงซึ่งต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก
และไม่ว่ากรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี
ต้องได้รับการลงโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งในสองของทาตามกำหนดโทษ
ง.เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนบ้านราษฎรหรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี
ต้องเหลือโทษจำคุกไม่เกินสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
หรือเป็นบุคคลมีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป
จ.เป็นผู้ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก
และมีอายุไม่ครบยี่สิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนราษฎรหรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำกรณีไม่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านและไม่ว่าความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี
ต้องรับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๒ ของโทษตามกำหนดโทษ หรือ
ฉ.เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม
และไม่ว่าความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี
โทษจำคุกตามกำหนดโทษที่ต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่รวมกันไม่เกินสองปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น